วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556

วิธีเลือกซื้อ BIG BIKE

 
เทศกาลท่องเที่ยวปีนี้ก็จะมาอีกครั้งแล้วนะครับ เลยมีบทความเกี่ยวกับBig bike มาให้ศึกษากันครับ เพราะช่วงนี้ของปีเป็นเทศกาลท่องเที่ยว Big bike และจะมีการซื้อ และขายกันมาก  เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆหลายๆคนที่สนใจนะครับ
วิธีการเลือกซื้อ Big bike มือ 

บทแรกนี้มาว่ากันถึงจุดประสงค์การใช้งาน ของรถที่เราต้องการก่อน
1. ต้องถามตัวเองก่อนว่า ชอบรถแนวไหน?
1. Touring 
2. Sport
3. Cruiser
4. dual purpose 


2. งบประมาณ เท่าไหร่?
    อันนี้ต้องแล้วแต่ทรัพย์ในกระเป๋า แต่ว่าหลังจากได้ประเภทรถที่ชอบแล้ว ก็ต้องหาข้อมูล ว่าราคาอยู่ในช่วงต่ำสุด- สูงสุดเท่าไหร่ จะได้เตรียมเงินให้พร้อม แต่คงต้องหมายความรวมถึง ค่าอุปกรณ์การขับขี่ด้วยส่วนนึง นอกเหนือจากราคารถ
    การที่รถรุ่นเดียวกันราคาไม่เท่ากัน เพราะ สภาพรถ อุปกรณ์ตกแต่ง อุปกรณ์ควบ หรือช่วงภาวะการตลาด
3. สถานที่จะไปออกรถ?
    - รถบ้าน ในที่นี้หมายถึงรถที่เจ้าของประกาศขายเอง ไม่ได้ผ่านนายหน้าหรือร้านค้า
    - รถที่ร้าน  ความหมายบอกในตัวแล้วว่า ต้องไปซื้อที่ร้าน ร้านค้าซื้อจากประเภทแรกหรือรถจากโกดัง แล้วเอามาปรับปรุงสภาพให้ดีขึ้น แล้วเอามาตั้งราคาใหม่ 
4. เทคนิคและวิธีการเลือกซื้อ
    ข้อสังเกตุเบื้องต้น....( รายละเอียดที่แจ้ง บางกรณีแม้ว่าจะเป็นจุดที่บกพร่องแต่สามารถซ่อมแซมแก้ไขได้ไม่ยาก เพียงแต่เป็นจุดสังเกตุ บ่งบอกถึงความสมบูรณ์ของรถ )
          1.เล่มทะเบียน  ตรงกันกับรถ ดูเลขเครื่อง - เลขคอที่ระบุในเล่มให้ตรงกับรถ ส่วนเลขเครื่องและเลขคอไม่จำเป็นต้องเหมือนกันก็ได้ครับ เพราะประกอบจากอะไหล่เก่า จึงอาจไม่เหมือนกันได้ ข้อปลีกย่อยอื่นในภาวะปัจจุบันคือ ทะเบียนสวม หรือ ทะเบียนแท้ อันนี้ต้องขอรายละเอียดจากเจ้าของเดิมด้วย
          2.ชุดโอน ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน ครบ หรือในกรณีที่เป็นอินวอย ก็ต้องมีใบเสร็จตัวจริง เครื่อง - เฟรม และเอกสารควบอื่นๆครบ
          3.เขียนสัญญาซื้อ-ขายด้วย 
          4. เดินดูรอบๆรถ 
โดยรวม...
 - ชุดสี แฟริ่งด้านนอกอาจมองไม่เห็น แต่ด้านในอาจมีรอยเชื่อมพลาสติกบ้างเล็กน้อย ไม่เป็นปัญหา แต่ให้สังเกตุ ช่วงตัวยึดน๊อต ขายึดในจุดต่างๆ โดยเฉพาะด้านหน้า ว่ามีรอยเชื่อมมากรึเปล่าว หลายจุดมั๊ย อันนี้บอกได้ถึงการเกิดอุบัติเหตุ ว่าชนมาแล้วมากน้อยแค่ไหน  เหล็กยึดโครงหน้ากากด้านหน้าก็เช่นเดียวกัน
 - เฟรม สีอลูมิเนียมเดิมๆ ไม่ทำสีจะดีที่สุด โดยมากถ้าไม่เคยเกิดอุบัติเหตุรุนแรง การทำสีเฟรมมักจะเป็นทางเลือกสุดท้ายในการปกปิดร่องรอย ส่วนใหญ่แม้ว่าจะเคยมีอุบัติเหตุมาบ้าง หากมีรองรอยที่เฟรมบ้างไม่เยอะนัก จะไม่ใคร่มีใครทำสีกัน
 - เครื่องไม่มีคราบเยิ้มน้ำมันตามรอยปะเก็น
 - สายไฟแม้ว่าจะเป็นส่วนที่มองเห็นไม่ได้ชัดเจนนัก แต่ในส่วนที่มองเห็น น่าจะอยู่ในสภาพที่เก็บงานมาแล้ว จัดระเบียบมาได้เรียบร้อย
 - ปลายท่อแห้ง เขม่าสีเทาๆ ถ้าสีออกดำก็แสดงว่ากรองอาจตันหรือหมดสภาพแล้ว ( อันนี้เล็กน้อย รับได้ )
 - ลองสตาร์ท เปิดไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไปเบรค ไฟหน้าปัดเรือนไมล์ยังใช้งานได้ครบ อยู่รึเปล่าว
 - ลองคร่อม โยกรถ(กำเบรคหน้า) ลองเด้งหลังโดยใช้น้ำหนักตัว ว่าโอเคหรือไม่ โช๊คหน้า แกนต้องไม่เป็นรอยลึกๆ(รอยครูคยาวๆ) รอยหลุมตามดเล็กๆ ไม่มีคราบน้ำมัน- โช๊คหลังต้องไม่เด้งขึ้นแรงๆทันที  ต้องมีความหนืดของโช๊คด้วย ทำนองว่ากดลงแล้ว ค่อยๆเด้งขึ้น
  - ลองเดินเบาซักพัก แล้วเบิ้ลรอบเครื่องยนต์แรงขึ้นอีกนิด ดูความราบเรียบของรอบเครื่องยนต์
  - เครื่องเดินเบาราบเรียบ ไม่กระตุก หรือไม่นิ่ง โดยปรกติถ้าสตาร์ทใหม่ๆรอบเครื่องอาจจะแกว่งๆ ไม่นิ่ง แต่ถ้าปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานต่อไปอีกซักพัก รอบเดินเบาจะคงที่ขึ้น,
 - ต้องไม่มีเสียงประหลาดๆ ก๊อกๆ แก๊กๆ หรือเสียงวีดตามรอบเครื่องยนต์ ยกเว้นในกรณีรถSuzuki ที่เอกลักษณ์เสียงเครื่องยนต์อาจดังมากกว่ายี่ห้ออื่น หรือ คาร์บูร์แฟลตสไลด์
 - ถ้าบังเอิญสตาร์ทแล้วมีควันขาว อย่าเพิ่งตกใจ อาจจะเพราะไม่ได้สตาร์ทมานานแล้ว ก็ให้เดินเบาซักแป็บนึง ลองเปิ้ลรอบดู ถ้าปรกติ เดี๋ยวมันจะค่อยๆจางไปหรือไม่มี แต่ถ้านานแล้ว เบิ้ลรอบยังมีควันออกมาตลอด ไม่น้อยลงก็อาจเป็นปัญหาที่เครื่องยนต์  แล้วในกรณีที่ไม่สามารถติดเครื่องได้ อันนี้ลำบากในการดูมาก อย่างน้อยควรได้ฟังเสียงการทำงานของเครื่องยนต์จะดีที่สุด
 - ให้ลองขี่ดูเลย ถ้าไม่ให้ลองขี่อย่าซื้อนะครับ แล้วการลองอย่างน้อยคนซื้อต้องสามารถที่จะรับผิดชอบดดยการซื้อเลยถ้าเอารถไปล้ม ฉะนั้นก่อนลองรถต้องชั่งใจก่อน ว่าเรารับผิดชอบได้รึเปล่าว ควรลองรถแบบมีระยะทางมากหน่อย ลองใช้เกียร์หลายๆเกียร์ ทดลองงัดขึ้น-ลง ถ้าปรกติอาการเกียร์แข็งจะไม่มี ใช้ความเร็วมากขึ้นนิดหน่อย เครื่องถ้าร้อนแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้ใช้งานมานานแต่ถ้าปรกติควันจะน้อยลงมาก แล้วในกรณีที่สตาร์ทไปซักพักแล้ว เอามือไปอังที่ปลายท่อแล้วมีความชื้นหรือละอองน้ำกระเด็นออกมา แสดงว่าเครื่องมีความฟิตมาก จนควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำ (ดีมาก)
 - ทดลองเบรคหน้า-หลัง ไม่ต้องแรงมาก็ได้เดี๋ยวรถล้ม ให้ทดลองลองขี่วนๆ กลับรถ เดินหน้า-ถอยหลัง จะให้เจ้าของซ้อนไปด้วยก็ได้ หรือถ้าอยากเทสคนเดียวเพื่อความสบายใจของเจ้าของรถ ผู้ซื้อจะให้กระเป๋าสตางค์ , บัตรประชาชน , เอกสารอื่นของเราไว้ เพื่อความสบายใจของทั้ง2ฝ่าย เพราะเคยเกิดเหตุกรณี ลองรถแล้ว ขโมยไปเลยก็มี
 - โซ่ สเตอร์ ยาง อย่างน้อยควรจะยังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ ถ้ายังดีอยู่ก็อาจไม่ต้องต่อรองมาก แต่ถ้าไม่อยุ่ในสภาพที่ดีแล้ว อาจจะขอต่อรองราคาลงหน่อย แล้วเราค่อยไปเปลี่ยนเอาเองก็ได้ แต่ต้องคำนวนราคาไว้แล้วจะได้รู้ยอดรวมคร่าวๆโดยประมาณ เรื่องสีสรรค์ภายนอกขอให้มองเป็นประเด็นรองครับ ให้ดูเครื่อง เฟรม ไว้เป็นหลักนะครับ





5. การตัดสินใจ?
     แนะว่า อย่าเพิ่งใจร้อน ให้ดูละเอียดๆ ดูหลายๆคัน หลายๆที่ เว้นแต่ว่า คันที่กำลังดูอยู่สภาพดีมาก พอใจแล้ว ก็ต่อรองราคาได้เลย เพราะถ้ายังไม่ตัดสินใจ หลังวันนี้อาจหลุดลอยไปก็ได้ เป็นไปได้ให้พาเพื่อนไปดูด้วยกัน จะได้ไม่ถูกชักจูงได้ง่ายๆ
     ควรจะศึกษาหาข้อมูลรถที่สนใจไว้ก่อน เช่นเลขเครื่อง เลขเฟรม อุปกรณ์ต่างๆในรถ ปั้มเบรค ที่บอกอย่างนี้ ยกตัวอย่างHonda SF400 ผลิตออกมาหลายรุ่นมาก เครื่องมีแบบครีบเต็ม ครีบไม่เต็ม ปั้มNissin Brembo สารพัด ต้องรู้มากๆไว้ก่อน โอกาศที่จะถูกหลอกจะได้น้อยลง
รถบ้าน...ในบางกรณี แม้ว่าจะซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าหน้าร้านมาก หลายบาท อาจเป็นหลักพัน หรือหลักหมื่น แต่ต้องคำนึงด้วยว่า สภาพที่เราต่อรองราคาได้ (ตามสภาพ ) หากเราตกลงซื้อมาแล้วเราต้อง เอามาปรับปรุงอะไรบ้าง ราคาอะไหล่แต่ละรายการราคาเท่าไหร่ ทดลองจดรายการดูว่าราคารวมๆแล้วเท่าไหร่ เพราะบางที เพลอๆราคารถ+ค่าบำรุงรักษาอาจจะแพงกว่ารถหน้าร้านก็ได้

6. การต่อรองราคา?
 แม้ว่าในกรณีซื้อ-ขายจะเป็นการตกลงราคาระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย แต่ราคาควรจะพอเหมาะพอสม อันนี้อธิบายเป็นกลาง ผู้ขายก็อยากขายได้ราคาตามอย่างที่ตั้งใจไว้ อาจจะเท่าทุนหรือกำไรบ้างมาก-น้อย ส่วนผู้ซื้อก็อยากซื้อได้ราคาถูกตามงบประมาณ ถูกได้เท่าไหร่ ยิ่งมากยิ่งดี แต่ทั้งนี้ แนะว่าผู้ซื้อถ้าเห็นรถ สภาพ พอ




นาย โฆษิต ทานะแสน 52010113020 HI

วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2556

ประเภทของ BIG BIKE

สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ๆหรือ Big bikeนั้น โดยทั่วไป จะแบ่งได้ 4 ประเภทใหญ่ๆ 

1. Touring 
2. Sport

3. Cruiser
4. dual purpose 


เริ่มจากประเภทแรก


1. Touring รถประเภทนี้ จะเป็นรถที่ CC สูง เพราะต้องแบกน้ำหนักตัวอันมากมาย และต้องวิ่งในระยะทางที่แสนไกล โดยผู้ขับขี่ ต้องสบายที่สุด ดังนั้น เอกลักษณ์ของรถประเภทนี้คือ บังลมหน้าขนาดใหญ่ กระเป๋าใส่สัมภาระขนาดใหญ่ ที่ติดเป็นส่วนหนึ่งของรถ เบาะคนขี่ กับคนซ้อน ที่แสนสบายดั่งโซฟา รุ่น Top จะมีทั้ง ฮีทเตอร์อุ่นมือ CD, วิทยุ ,GPS ฯลฯ ซึ่งตัว Top นั้น มีขนาด 1800cc ซึ่งมากกว่ารถยนต์หลายๆรุ่นด้วยซ้ำ ราคาก็แพงระดับล้านบาท



2. Sport รถแบบนี้ จะเป็นรถที่รูปทรงปราดเปรียว เบา กำลังเครื่องสูง อัตราเร่งสูง มีบังลม ที่ออกแบบไว้เพื่อหลักอากาศพลศาสตร์โดยเฉพาะ แต่ขนาดต้องเล็กที่สุดเท่าที่จะออกแบบได้ เป็นรถที่ใช้สำหรับแข่งกันกัน เป็นจุดประสงค์หลัก ดังนั้น การออกแบบท่านั่ง จึงไม่สนใจเรื่องความสบายเลยแม้แต่น้อย เน้นแค่ท่าที่จะทำให้ควบคุมรถง่าย และทำให้รถไปได้เร็วที่สุดเท่านั้น แต่การทรงตัวของรถพวกนี้ จะยอดเยี่ยมที่สุด เพราะต้องขี่กันด้วยความเร็วสูง บางครั้ง ขึ้นไปถึง 300km/Hr



3. Cruiser เป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการขับขี่ทางไกล หรือท่องเที่ยวความเร็วต่ำเป็นหลัก ไม่มีบังลม ไม่มีกระเป๋า เน้นความดิบ เถื่อน เสียงที่ดังกระหึ่ม และความอึดในการเดินทาง ท่านั่งที่ค่อนข้างสบาย แต่ยังกระด้างอยู่มาก เมื่อเทียบกับรถ Touring ซึ่งเป็นรถที่ถูกเรียกชื่อผิดมากที่สุด เพราะโดยมาก จะคุ้นเคยกับคำว่า Chopper มากกว่า ทั้งที่ เป็นรถคนละประเภทกัน


4. dual purpose เป็นรถที่นิยมกันมาก แถบประเทศทางยุโรป เพราะเป็นรถที่ถือว่าเป็นรถอเนกประสงค์สำหรับประเทศที่อยู่บนเทือกเขา ขี่ได้ดีทั้งบนทางวิบาก และถนน Highway เรียบๆ ต่างจากรถ Motocross ตรงที่ มีขนาด CC สูงกว่า และสามารถทำความเร็วสูงได้มั่นคงกว่า


สำหรับประเภทย่อยๆก็มีดังนี้

1. Naked Bike เป็นรถ Sport ที่ถูกจับมาแต่งให้เปรียว แรงม้าไม่สูง สำหรับขี่ในเมือง โดยเอาแฟริ่งกันลมออก จะออกหมด หรือเป็นแฟริ่งบางส่วน ก็แล้วแต่จะออกแบบ โดยมาก จะไม่เกิน 900cc เพราะไม่มีบังลม เลยไม่นิยมขี่เร็ว จึงไม่ต้องทำ CC สูงๆ


2.Sport กึ่ง Touring เป็นรถ sport ที่มีแฟริ่งเต็มสูตร แต่ ต่างกันตรงความสบายในการขับขี่ ทั้งคนขี่ และคนซ้อน มีกระเป๋าเป็นอุปกรณ์เสริม เน้นการเดินทางระยะไกลที่ความเร็วสูง

3. Cruiser กึ่ง Touring เป็นรถ Cruiser ที่เอามาจับแต่งองค์ทรงเครื่อง และเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแก่ผู้ขับขี่ แต่ความกระด้าง ยังคงมีอยู่ตามแบบ Cruiser


4. Chopper จะเป็นรถที่ถูกดัดแปลงจาก Cruiser อีกที โดยมีเอกลักษณ์ที่ตะเกียบหน้า หรือโช๊คหน้า ที่ยาวเกือบสองเมตร ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ Chopper คือมาจากคำว่า Chopstick ที่แปลว่า ตะเกียบ หรือบางคัน อาจจะหน้าสั้น แต่แฮนด์สูง ที่เรียกว่าแฮนด์โหนนั่นเอง คำว่าช๊อปเปอร์ เป็นคำสแลงเรียกเฮลิคอปเตอร์ของหทารอเมริกา ซึ่งมีลักษณะหางที่ยาว พอเอามาดัดแปลงทำหน้ายาวให้มอเตอร์ไซค์ เลยเรียก Chopper ไปด้วย

BIGBIKE คืออะไร

Bigbike คือ คำที่ใช้เรียกรถมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่กว่ารถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆไป





 หรือที่เรียกกันจนติดปากว่า สี่สูบ ขนาดของมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่ในที่นี้คือขนาดของเครื่องยนต์ เฟรม ล้อและยางของรถ 
เครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่และมีกำลังสูง

ล้อที่มีความแข็งแรง

ยางที่มีขนาดใหญ่


รถที่เรียกว่าBigbikeจะมีความจุของเครื่องยนต์ตั้งแต่ 250 cc ขึ้นไปจนถึง 2400 cc ซึ่งในแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็จะมีรูปแบบของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะมีตั้งแต่สูบเดี่ยว และ 2 ถึง 6 สูบ และจัดวางอยู่ในรูปแบบของสูบเรียงและสูบV ในส่วนระบบส่งกำลังก็จะมีตั้งแต่ระบบที่ใช้โซ่  ใช้เพลาขับ และใช้สายพาน เป็นต้น


คนรัก BIGBIKE